วีซ่าหมดแล้วววว กลับไทย ในวิกฤติ โควิด เริ่มอย่างไรดี ?!?
ฮัลโหลล หลายคนสงสัยใช่ไหมว่า หากวีซ่าหมดจะ กลับไทย ควรเริ่มต้นอย่างไรดีในสถานการณ์โควิดระบาดแบบนี้ วันนี้ทางเอดูยังจะมารีวิว จากประสบการณ์ตรง สั้นๆ เข้าใจง่าย กันค่ะ
ขั้นตอนแรก : จองตั๋วเครื่องบิน

- ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านแฟนเพจ สถานทูตไทย ออสเตรเลีย สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษ ผ่านทางสถานทูตไทย จาก Facebook fanpage ดูเที่ยวบิน ได้ที่นี่ คลิก.
ปัจจุบันนี้ ( ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2563 จะมีเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษ ประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน ทางสถานทูตมักจะประกาศล่วงหน้าประมาณ 2 อาทิตย์ ยกตัวอย่างรอบของเดือน ก.พ. สถานทูตจะแจ้งประมาณ กลางเดือนมกราคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครสามารถการันตีเที่ยวบินได้ว่าจะมีเมื่อไหร่ มีกี่เที่ยว จะเพิ่มหรือลด ต้องคอยเช็กอัพเดทจากทางแฟนเพจ) ขั้นตอนการจองตั๋ว สามารถอ่านได้จาก แฟนเพจของสถานทูตโดยตรง เนื่องจาก แต่ละครั้งจะมีการจองตั๋วไม่เหมือนกัน *ย้ำ อ่านรายละเอียดจากแฟนเพจของสถานทูตให้ดี
2. จองตั๋วผ่านสายการบินพาณิชย์ปกติ สามารถเลือก สายการบิน เที่ยวบิน ได้ตามสะดวก ข้อกำหนดของแต่ละสายการบินก็แตกต่างกันออกไป เช่น บางสายการบิน ต้องมีผลตรวจโควิด เป็นต้น
ซึ่งตอนนี้อย่างที่ทราบกันดีคือ ทุกคนที่เดินทางกลับประเทศไทยต้องกักตัวทั้งหมด 2 อาทิตย์ที่โรงแรม การกักตัว มีทั้งหมด 2 แบบ คือ
– SQ : State Quarantine –
กักตัวฟรี ตาม โรงแรมที่รัฐบาลกำหนด แบบใช้โควตารัฐบาลไม่เสียค่าใช้จ่าย (โควตานี้ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษที่ประกาศโดยสถานทูตเท่านั้น แต่ละครั้งให้โควตาไม่เท่ากัน เช่น 100 คนแรกเป็นต้น ไม่สามารถเลือกโรงแรมได้ บางคนได้โรงแรมใน กทม. บางคนออก ต่างจังหวัด เป็นต้น)
– ASQ : Alternative State Quarantine –
เป็นการกักตัวที่จ่ายเงินกักตัวเอง โดยราคาก็แตกต่างกันไปตามแต่ละ Package ของแต่ละโรงแรม สามารถดูโรงแรมได้ที่ >> http://hsscovid.com/
ในกรณีที่เดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ปกติ ต้องกักตัวเอง แบบ ASQ (จ่ายเงินเอง) เท่านั้น หรือ หากลงชื่อโควตากับรัฐบาลไม่ทัน (เดินทางการบินไทยเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษ) แต่จำเป็นต้องเดินทางวันนั้น ก็ต้องจ่ายเงินกักตัวเอง เพราะโควตาเต็ม เป็นต้น
ขั้นตอนที่สอง : หนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย (COE)
เมื่อเราได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้วนั้น เราต้องขอหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย (COE) ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนการเดินทาง ที่ >> coethailand.mfa.go.th
- เลือก “สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา” หากท่านพำนักอยู่ในรัฐวิกตอเรีย (VIC) ควีนส์แลนด์ (QLD) นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี (NT) เวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA) เซาท์ออสเตรเลีย (SA) แทสเมเนีย (TAS) ออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี (ACT) และประเทศในเขตอาณา ได้แก่ ฟิจิ ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา วานูอาตู และคิริบาส
- เลือก “สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์” หากท่านพำนักอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW)
ขั้นตอนที่สาม : ใบรับรองแพทย์
ใบรับรองแพทย์ Book กับ GP ใกล้บ้าน แล้วแจ้งแพทย์ว่า ขอเอกสาร Fit to fly ซึ่งจริงๆมันก็คือ ใบรับรองแพทย์ ที่ระบุว่า Fit to fly นั่นเอง
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการเดินทาง (สำคัญ)
- พาสปอร์ตไทยที่ไม่หมดอายุ
- ตั๋วเครื่องบิน
- COE ขอเข้าประเทศ*
- Fit to Fly*
- ใบ ตม. 8
(* ต้องปริ้นท์เอกสารเหล่านี้ติดตัวตลอดการเดินทาง สำหรับ ตม.8 ใช้ตอนถึงประเทศไทยแล้ว หากปริ้นท์มาเอง จะทำให้ขั้นตอนเสร็จไวกว่า แต่ถ้าไม่ได้ปริ้นท์ ตม.8 มา เจ้าหน้าที่ที่ไทยจะแจกให้กรอกเอกสารตอนรอคัดกรอง)
เมื่อเราได้เอกสารครบทุกอย่าง ก็เตรียมใจสบายๆ เก็บข้าวเก็บของ อันไหนจะขนกลับเอง อันไหนจะ Shipping กลับตอนหลัง ก็จัดการดีๆ และแล้ววันเดินทางก็มาถึง
การเดินทางเนื่องจากเที่ยวบินที่เราไปนั้น ในเดือนนั้นมีแต่ที่ซิดนีย์ ทำให้เราต้องจองตั๋วจาก บริสเบนไปซิดนีย์ >> แล้วต่อซิดนีย์ไปไทย ขั้นตอนนี้เหมือนการเดินทางในสถานการณ์ปกติเกือบทุกอย่าง เพียงแต่ต้องโชว์เอกสาร COE และ Fit to fly เพิ่มเท่านั้น อ้อ ใส่ Mask ตลอดเวลาด้วยนะ
แต่เมื่อถึงไทยนั้นนน เราจะไม่ได้ออกจากสนามบินโดยทันที เนื่องจากเอกสาร COE เขาระบุไว้แล้วว่า ห้ามญาติมารอเจอที่สนามบิน ซึ่งพอลงเครื่องปุ้บ เจ้าหน้าที่แต่งกายด้วยชุด PPE จะแยกผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบินเป็นคนละฝั่ง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิ หากใครอุณหภูมิสูง ตัวร้อน ดูมีอาการโควิด ก็จะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งขั้นตอนนี้ ใครที่จองโรงแรมแบบ ASQ ก็แยกตัวออกไปขึ้นรถจากที่โรงแรมที่ตัวเองจอง ส่วนใครที่ได้โควต้ากักตัวจากรัฐบาล ต้องรอเจ้าหน้าที่จัดว่าแต่ละคนจะได้ไปอยู่ที่โรงแรมไหน (คือจะรู้ว่าตัวเองได้พักที่ไหน จังหวัดอะไร โรงแรมอะไรก็ต่อเมื่อถึงไทยแล้ว)

สำหรับโควตารัฐบาลก็จะมีรถบัสของแต่ละโรงแรมมารอรับเช่นเดียวกัน โดยส่วนตัวนั้นได้พักที่ พัทยาค่า
สำหรับการปฏิบัติตัวที่โรงแรมคือ
ห้ามออกนอกห้อง จะมีเจ้าหน้าที่นำอาหารทั้ง 3 มื้อ มาวางไว้ให้บนโต๊ะหน้าห้อง การสั่งอาหารจากข้างนอกมารับประทานนั้น มีกฎของแต่ละที่แตกต่างกันไป
ต้องตรวจวัดอุณหมิร่างกายทุกวัน เช้าและเย็น และ ตรวจโควิด 2 หน ก่อนออกการกักตัว


การตรวจโควิดอย่างที่บอกก่อนหน้านี้คือ ตรวจทั้งหมด 2 ครั้ง ระหว่างกักตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะ Swap ผ่านทางปาก (ช่องคอ) และ จมูก (หลังโพรงจมูก) ส่วนตัวไม่เจ็บ แค่รู้สึกระคายเคือง คันๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 30 วิก็เสร็จแล้ว
เมื่อครบกำหนด 14 วันจากการกักตัว และผลโควิดเป็นลบ ก็เป็นอันว่าตัวเรานั้นปลอดโรค พร้อมออกเดินทางกลับบ้าน (สักที) สำหรับการกลับบ้านจากโรงแรมนั้น ก็แล้วแต่ว่าทางเราจะสะดวกแบบไหน บางคนมีญาติมารับ บางคนกลับกับรถของโรงแรม (จ่ายเงินเอง) บางคนกลับกับรถของรัฐบาล (การกลับแบบนี้จะมีสถานที่ระบุไว้ว่ารถจะไปส่งให้ตรงไหน เช่นศาลากลางจังหวัด ไม่ได้ส่งถึงหน้าประตูบ้านแต่อย่างใด) ซึ่งวันที่เรา Check out ออกทางเจ้าหน้าที่ทหารจะมีใบยืนยันผลตรวจให้เราพกกลับบ้าน 1 ชุด เป็นการยืนยันว่าเรานั้นปลอดโรค และผ่านขั้นตอนการกักตัวแบบถูกต้องค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การกลับบ้านในสถานการณ์โควิด ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่มีขั้นตอนเพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่ๆเอดูยังหวังว่า บทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับ น้องๆที่กำลังจะกลับไทย แล้วอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิธีการเดินทางกลับ แค่เราเตรียมพร้อม ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย ไม่มีปัญหาค่ะ
หากน้องๆคนไหน สนใจอยากมาเรียนต่อ ออสเตรเลีย หรือมีคำถามเกี่ยวกับวีซ่า อยากปรึกษาฟรี อย่ารอช้าที่จะติดต่อพี่ๆ เอดูยังได้ทันทีเลย