เรียน Certificate หรือ Diploma ดีนะ? เรียนแค่ไหนถึงจะทำงานในออสเตรเลียได้ ?
เรียน Certificate หรือ Diploma ดีนะ?
แล้วเรียนแค่ไหนถึงจะทำงานในออสเตรเลียได้นะ?
แต่อย่างแรกเลย Course Certificate มันคืออะไรกันแน่นะ?
หลายคนคงจะเคยอ่านรีวิวการเรียนต่อต่างประเทศกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย เคยสงสัยไหมคะว่า นอกจากการมาเรียนภาษา และเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ในประเทศออสเตรเลียยังมีคอร์สวิชาชีพที่น่าสนใจที่เรียกว่า VET Course หรือ Vocational Education and Training นั่นเอง โดยคอร์สระดับวิชาชีพนี้จะเทียบเท่ากับระดับอาชีวศึกษาหรืออนุปริญญาในระบบการศึกษาไทย โดยจะเริ่มตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร (Certificate I-IV ) ระดับปวช ( Diploma) ไปจนถึงระดับ ปวส (Advanced Diploma)
หลักสูตรส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้สมัครจะต้องจบการศึกษาในระดับ Australian Year 10 หรือเทียบเท่าและบางหลักสูตรอาจจะต้องจบการศึกษาในระดับ Australian Year 12 หรือเทียบเท่า
ตารางการเปรียบเทียบ Australian year 10 Equivalent and
Australian Year 12 Equivalent กับระบบการศึกษาไทย
ขอบคุณที่มา จาก Tafe Quensland
โดยหลักสูตรประกาศนียบัตรนี้จะมี 4 ระดับด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ระดับ Certificate I ไปจนถึง Certificate IV
Certificate I : ระยะเวลา 0.5 1 ปี
เมื่อเรียนจบคอร์สนี้จะมีความรู้และทักษะในการทำงานเบื้องต้น ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานในชีวิตประจำวันและการมีส่วนร่วมในชุมชน
Certificate II : ระยะเวลา 0.5 1 ปี
เมื่อเรียนจบคอร์สนี้จะมีความรู้และทักษะในการทำงาน การจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย และมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เทคนิคต่างๆ และขั้นตอนของการทำงานที่ได้กำหนดไว้
Certificate III : ระยะเวลา 1-2 ปี
สำหรับระดับ Cert III นี้ เมื่อเรียนจบนักเรียนจะมีความรู้และทักษะทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติสำหรับการทำงาน และได้เรียนเกี่ยวกับเทคนิค ขั้นตอน และทฤษฎีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เข้าใจเทคนิคการสื่อสารในการทำงานและการะประยุกต์ใช้เครื่องมือ รวมถึงสามารถที่จะแก้ไขปัญหาและตัดสินใจในงานได้
Certificate IV : ระยะเวลา 0.5 2 ปี
ระดับสุดท้ายของ Certificate จะได้เรียนเนื้อหาในเชิงลึก คอร์สนี้นักเรียนจะมีความรู้และทักษะทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติสำหรับงานเฉพาะทาง จะมองเห็นภาพรวมเพื่อให้เข้าใจการทำงานและการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะ เทคนิคและการสื่อสารที่หลายหลากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมกับการเผชิญหน้ากับปัญหาและสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดหมาย
ใบประกาศหรือเจ้าตัว Certificate นี้เมื่อเรียนจบหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตรที่มีการฝึกงานด้วยแล้วนั้น คอร์สเหล่านี้ยังสามารถนำวุฒิไปยื่นสมัครงานได้เลย เพราะวุฒิสายอาชีพของออสเตรเลียได้รับยอมรับย่างแพร่หลาย ซึ่งวิทยาลัยเทคนิคหรือวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพเหล่านี้มีเยอะมากทั้งของรัฐบาลและเอกชน น้องๆสามารถเลือกได้ตามความพอใจในสาขาที่ชอบ เรื่องของงบประมาณและความสะดวกในการเดินทางได้เลยค่ะ
โดยที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อนักเรียนเรียนอยู่ในระดับ Secondary school เทียบเท่ากับม.ต้น (Year 7-10) = ม.1- ม. 4 ของไทย หรือ high school เทียบเท่ากับม.ปลาย (Year 11-12) = ม.5 ม. 6 ของไทย สำหรับคนที่รู้ตัวว่าอยากทำงานอะไร อยากประกอบอาชีพอะไรเค้าก็มักจะพุ่งตรงไปยังสายอาชีพนั้น เราจึงมักเห็นชาวออสซี่ทำงานหาเงินกันตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นเพราะเด็กที่นี่นิยมเรียนสายอาชีพมากกว่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะที่นี่เปิดโอกาสในเรื่องของการศึกษามากๆ ในบางสายอาชีพไม่จำเป็นต้องจบระดับปริญญาถึงจะประกอบอาชีพเหล่านั้นได้
การเรียนการสอนสำหรับคอร์สวิชาชีพเหล่านี้จะเน้นการเรียนแบบนำไปประยุกต์ในการทำงานจริง เลยทำให้การเรียนจะเน้นไปที่ภาคปฏบัติมากกว่าการเรียนแบบทฤษฎี โดยจะเน้นการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพเฉพาะด้านตามที่เราสนใจ เช่น Accounting, Cookery, Patisserie, Hospitality, Hairdressing, Automotive, Social work, Aged Care, Child care เป็นต้น และยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อ Pathway เข้าในระดับการศึกษาที่สูงขึ้นอีกด้วย ทั้งในระดับ Diploma, Advanced Diploma, Bachelor Degree, Bachelor Honors Degree, Graduate Certificate, Graduate Diploma, Masters Degree, Doctoral Degree.
รายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละระดับการศึกษาของออสเตรเลียสามารถอ่านได้ที่นี่เลย คลิก
Certificate I II III IV มันต่างกันยังไง ต้องเรียนแค่ไหนถึงจะยื่นสมัครงานได้ ?
ระดับของ Certificate ก็คือระดับของการศึกษา ส่วนเนื้อหาที่จะได้เรียนในแต่ละคอร์สนั้นยิ่งระดับสูงขึ้นเนื้อหาวิชาที่เรียนก็ยากมีความเข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้นทั้งในส่วนของทางทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
บางคนอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคำถามในเรื่องของการทำงานว่าต้องเรียนจบระดับ Certificate อะไรถึงจะสามารถยื่นเข้าสมัครงานหรือใช้เป็นใบรับรองสำหรับการทำงานในประเทศออสเตรเลียได้ ต้องอธิบายก่อนว่าโดยปกติแล้วกฎของวีซ่านักเรียนสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ (Part-time) โดยบางอาชีพไม่จำเป็นต้องมีใบประกาศนียบัตรเพื่อสมัครเข้าทำงาน เนื่องจากเป็นงานทั่วไปที่ไม่ต้องใช้สกิลอะไรมากและเป็นตำแหน่งพนักงานชั่วคราวเท่านั้น แต่สำหรับอาชีพและตำแหน่งที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานและอยู่ในรายชื่อของอาชีพที่สามารถยื่นขอเป็นพลเมืองที่ประเทศออสเตรเลีย หรือที่หลายๆคนคุ้นชินกันก็คือ PR (Permanent residence) และ คุณสมบัติของผู้ที่จะยื่นขอ PR ได้นั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีใบรับรองการศึกษา Certificate เพื่อการันตีความรู้ความสามารถในการที่จะทำงานในแต่ละสาขาอาชีพอย่างได้มาตรฐานนั่นเอง
ยังมีอีกหลากหลายอาชีพสำหรับคอร์ส Certificate ที่เรียนเพียงหลักสูตรเดียวก็สามารถยื่นสมัครงานได้เลย หนึ่งในนั้นคือ Certificate III in Individual Support ซึ่งคอร์สนี้จะต้องได้รับการรับรองหลักสูตรจากสถาบันการศึกษาในประเทศออสเตรเลีย โดยระยะเวลาเรียนอยู่ที่ประมาณ 6-9 เดือน ใช้ผลคะแนนไอเอล IELTS 5.5 in Academic English โดยเมื่อจบหลักสูตรสามารถทำงานเป็น Assistance in Nursing หรือ AIN ได้ โดยที่จะสามารถทำงานในศูนย์พยาบาล Nursing Home และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือ Aged Care ได้ดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วย อาบน้ำ ป้อนอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ช่วยพยาบาลยังสามารถทำงานในโรงพยาบาลได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ Enrolled Nurse (EN) และ Registered Nurse (RN) เท่านั้นค่ะ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจและเป็นที่ต้องการมากๆ แอบกระซิบว่าได้ค่าแรงดีด้วย ถ้าหากชอบและสนใจในสายอาชีพนี้ น้องๆยังสามารถที่จะต่อยอดทางงด้านพยาบาลเพื่อเป็น Enrolled Nurse (EN) และ Registered Nurse (RN) ได้อีกด้วย
อ่านต่อเกี่ยวกับหลักสูตรพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาล
มาดูตัวอย่างและความแตกต่างของอาชีพหลักจากเรียนจบ Certificate และ Diploma เพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้นนะคะ
ยกตัวอย่างเช่นเรียนหลักสูตร Early childhood and care
ถ้าเรียนจบ Certificate III จะสามารถทำงานในตำแหน่งผู้ช่วย โดยจะต้องมีทักษะหลากหลาย ทั้งการวางแผนการเรียน กิจกรรม โดยมีหน้าที่เตรียมอุปกรณ์การเรียน ดูแลสุขภาพอนามัยให้แก่เด็กๆ ส่งเสริมพัฒนาการและการพัฒนาบุคลิก เป็นต้น
ตำแหน่ง
- Out of School Hours Care Assistant
- Family Day Care Provider
- Early Childhood Education and Care Assistant เป็นต้น
แต่ถ้าจบระดับ Diploma สามารถทำงานในตำแหน่งหัวหน้าหรือ Group Leader ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Leader หน้าที่ ความรับผิดชอบ รวมถึงทักษะต่างๆก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มมากขึ้น ในระดับนี้จะสามารถออกแบบโปรแกรมการศึกษา คิดค้นหลักสูตรที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละวัย มีการวางแผนและการประเมินผล รวมถึงควบคุมดูแลพนักงาน การเทรนพนักงาน ดูแลกฎระเบียบความเรียบร้อยภายในศูนย์ Child Care Centre เป็นต้น
ตำแหน่ง
- Early Childhood Educator
- Out of School Hours Care Coordinator
- Early Childhood Centre Director เป็นต้น
อีกหนึ่งหลักสูตรยอดฮิตของเด็ก International (รวมทั้งเด็กไทยเองด้วย) คงหนีไม่พ้น Commercial Cookery & Hospitality หรือหลักสูตรการเรียนทำอาหารและการโรงแรม หลักสูตรนี้สามารถเรียนแบบหลักสูตรเดี่ยวหรือจะลงเป็นแบบแพคเกจก็ได้ แต่โดยส่วนมากแล้วจะลงเรียนกันแบบแพคเกจมากกว่า เนื่องจากหลักสูตรเรียน Commercial Cookery & Hospitality นี้ มีระยะเวลาเรียนจนจบหลักสูตร 2 ปี ขึ้นไป เมื่อเรียนจบมาแล้วจะสามารถยื่นขอวีซ่าทำงานหลังเรียนจบได้อีกด้วยหรือที่เรียกกันว่า Graduated visa subclass 485 ต่อได้อีกค่ะ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ต้องการเรียนยาวๆและต้องการใช้แค่ Certificate ระดับพื้นฐานเท่านั้น ก็จะเลือกเป็นแบบหลักสูตรเดี่ยวได้เช่นกันค่ะ เช่น
Certificate III in Commercial cookery + มีประสบการณ์ทำงาน จะสามารถทำงานได้เฉพาะตำแหน่ง Cook เท่านั้น
แต่ถ้าหากอยากเพิ่มสกิลความสามารถทำงานในตำแหน่ง Chef ก็ต้องเรียนต่อในหลักสูตร Certificate IV in Commercial cookery เพราะถ้าเราเรียนจบในระดับที่สูงขึ้น อย่างเช่น Certificate IV in Commercial Cookery, Diploma/Advanced Diploma of Hospitality ก็จะสามารถประกอบอาชีพเป็น Chef, Chef de Partie ไปจนถึงระดับผู้จัดการได้ค่ะ
จำเป็นต้องเรียนตั้งแต่ Cert I เลยไหม หากจบป.ตรีจากไทยมาแล้ว
ในการเรียนในระดับ certificate จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก Certificate I เท่านั้น หากเรียนจบระดับปริญญาตรีมาแล้ว สามารถเริ่มเรียนจากระดับอื่นได้เลย แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละระดับ Certificate เช่น อายุและระดับภาษาของผู้เรียนต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่สถาบันการศึกษากำหนด ยกเว้นบางหลักสูตรที่ต้องการวุฒิระดับ Cert III, Cert IV ก่อนเข้าเรียนในระดับ Diploma เช่น Commercial Cookery, Automotive เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะว่าการเริ่มเรียนจากระดับพื้นฐานจะเป็นการปูพื้นฐานและปรับความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายที่ต้องใช้ความรู้และทักษะเฉพาะทาง
*** เงื่อนไขและเกณฑ์การรับสมัครจะแตกต่างกันในแต่ละสถาบัน น้องๆสามารถสอบถามพี่ๆทีมเอดูยังเพื่อเช็คคุณสมบัติของตัวเองได้เลยนะคะ
เงื่อนไขในการรับสมัครโดยทั่วไป
- จบการศึกษา Year 10 หรือเทียบเท่า สมัครเรียนหลักสูตร Certificate ได้
- จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย หรือ Year 12 สมัครเรียนหลักสูตร Diploma ได้
- มีผลสอบ IELTS 5.5 (IELTS Academic) หรือ มีใบประกาศนียบัตรระดับภาษาอังกฤษในระดับ Upper Intermediate จากสถาบันภาษาที่ได้รับการยอมรับ
และถ้าหากอยากเริ่มเรียนในระดับ Certificate III, IV หรือในระดับ Diploma ผู้เรียนต้องมีผลคะแนนและคุณสมบัติตามที่สถาบันนั้นกำหนด ยกเว้นบางสาขาที่บังคับว่าต้องการวุฒิ Certificate III เพื่อเรียนต่อในระดับ Certificate IV
ยกตัวอย่างการเข้าสมัคร
ตัวอย่างแรก: การจะเข้าเรียนต่อในระดับ Certificate IV in Business ที่สถาบัน A : ต้องการผลสอบ IELTS English Language Proficiency: Academic IELTS 5.5 (no individual band less than 5.0) ถ้าผลคะแนนสอบเราไม่ถึงอาจจะต้องเริ่มจากการเรียนภาษาตามระยะเวลาที่โรงเรียนกำหนด หรือสอบวัดระดับภาษาจากโรงเรียนโดยตรง จากนั้นจึงจะสามารถเข้าเรียนในระดับ Certificate IV ที่สถาบัน A ได้
ตัวอย่างที่สอง: ถึงแม้น้องๆจะมีผลสอบ IELTS 5.5 อยู่ในมือแล้ว แต่อยากเรียนต่อสาขาช่างยนต์ที่ประเทศออสเตรเลีย (Automotive Mechanical) ที่สถาบัน B น้องๆก็ยังไม่สามารถสมัคร Certificate IV in Automotive ได้ทันทีนะคะ เพราะเงื่อนไขของหลักสูตรนี้ บางสถาบันกำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นนักเรียนที่จบจาก Certificate III Automotive Mechanical มาแล้วเท่านั้น
ความแตกต่างระหว่าง Certificate IV VS Diploma
Certificate IV ( หลักสูตรประกาศนียบัตร) เน้นให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและสามารถ Pathway ไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ โดยในการเรียนจะเน้นภาคปฏิบัติ การลงมือทำจริงมากกว่าภาคทฤษฎีจะมีราคาที่ถูกกว่าหลักสูตร Diploma แถมยังมีระยะเวลาเรียนที่สั้นกว่าด้วย โดยปกติจะอยู่ที่ 6-12 เดือน เรียนประมาน 2-3 วันต่อสัปดาห์
Diploma (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ) วุฒิระดับ Diploma เป็นคอร์สวิชาชีพระดับสูงจะมีเนื้อหาที่เข้มข้นกว่าทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ โดยจุดประสงค์คือเน้นให้ผู้เรียนสามารถนำไปต่อยอดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและใช้ในการทำงานที่เป็น Professional Career ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่าในระดับอนุปริญญา และส่วนใหญ่เมื่อเรียนจบระดับ Certificate III ,Certificate IV แล้วบางสถาบันสามารถเข้าเรียนในระดับ Diploma และ Advanced Diploma ได้โดยไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา เพราะผลคะแนนขั้นต่ำในการใช้สมัครเรียนในระดับ Certificate III, IV, Diploma และ Advanced Diploma ใช้ระดับผลคะแนนที่เท่ากัน คือ (IELTS) Academic: Overall 5.5 (with no score lower than 5.0) ระยะเวลาของหลักสูตรมีตั้งแต่ 6 เดือน- 2 ปีแล้วแต่สาขาที่เลือก
โดยในปัจจุบันคนนิยมเรียนหลักสูตร Diploma แล้วเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย (Pathway) ซึ่งจะเทียบเท่ากับวุฒิปริญญาตรี 1 ปี (เรียน Diploama 1 ปี + มหาวิทยาลัย 2 ปี) หลักสูตรนี้ถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะทีเดียวค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาที่เราเลือกด้วยนะคะ
หากต้องการข้อมูลแบบละเอียดเน้นๆเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Certificate IV กับ Diploma เราได้รวบรวมไว้ให้แล้ว เข้าไปอ่านกันในนี้นะคะ
อ่านต่อเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Certificate IV และ Diploma
พอจะมองเห็นภาพและเห็นความแตกต่างของทั้ง 2 ดีกรีนี้แล้วใช่มั้ยคะ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเรียน หรือข้อมูลของคอร์สต่างๆ ไม่ต้องลังเล สามารถสอบถามทีมงานของเราได้ตลอดเลย พี่ๆทุกคนมีประสบการณ์ตรงจากออสเตรเลียพร้อมตอบทุกข้อสงสัย ไม่มีค่าปรึกษาใดๆเลยค่า