คำตอบคือเรียนได้แน่นอนค่ะ  เรียนได้ตั้งแต่ท่อง A B C เลย อย่างเช่นในประเทศออสเตรเลียก็มีนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก ดังนั้นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย จะมีความเข้าใจนักเรียนต่างชาติค่อนข้างสูงในเรื่องของสำเนียงที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนเกิดมาในประเทศที่พูดแต่ภาษา สเปน ดัชต์ อิตาเลี่ยน ญี่ปุ่น อีกตั้งมากมายรวมไปถึง ไทยเรา ดังนั้น การเรียนภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย จะกำหนดการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารอยู่แล้ว นอกจากได้เรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้เรียนรู้สำเนียงของคนจากประเทศอื่นๆไปด้วย

การที่เราถือวีซ่านักเรียนของออสเตรเลียนั้น อนุญาตให้เราทำงานได้ 40 ชั่วโมง / 2 สัปดาห์ เนื่องจากการศึกษาของออสเตรเลียมุ่งเน้น ทฤษฏี และปฏิบัติไปพร้อมๆกัน เพราะเมื่อเราสำเร็จการศึกษา เราจะได้ทั้งประกาศนียบัตร และประสบการณ์ทำงานไปพร้อมๆกัน ทำให้เรามีโอกาสสูงในการได้งานในแบบที่เราต้องการ

เริ่มจากความชอบก่อนค่ะ หาให้เจอว่าตัวเองชอบอะไร อยากเป็นอะไร อยากทำงานในด้านไหนมีอะไรเป็นทุนเดิมมาแล้วบ้าง หรือบางคนก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ชอบสิ่งที่ตัวเองเรียนมาเลย อยากจะมาเริ่มต้นใหม่ อยากจะบอกว่า มันไม่มีคำว่าสายเกินไป ดีเสียอีกที่เรารู้ตัววันนี้ ดีกว่าพรุ่งนี้แน่นอน ดังนั้น คอร์สเรียนต่างๆในออสเตรเลีย มีเยอะแยะมากมาย บางคนชอบเรียนทำอาหาร ทำขนม การกีฬา เป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส เป็นครูสอนเต้น ออกแบบดีไซน์ ตกแต่งภายใน สาระพัด สาระเพ มีให้เลือกสรร แค่ต้องการเอเจนท์ที่สามารถค้นหาคอร์สเรียนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตส์ของแต่ล่ะคนนั้นยากกว่า จากประสบการณ์การเป็นเอเจนท์นั้นไม่ใช่ขายคอร์สเรียนตามแพทเทิร์น แต่ความภูมิใจว่าเราช่วยนักเรียนหาคอร์สที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ล่ะคนนั้นคือที่สุดของเรา

ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ชอบแบบไหน อยากใช้ชีวิตยังไง เนื่องจากออสเตรเลียเป็นเกาะที่ใหญ่ติดอันดับโลก ดังนั้นจึงแบ่งการปกครองเป็นแบบรัฐ สภาพภูมิอากาศมีความแต่งต่างกันออกไป เมืองการศึกษายอดนิยมในออสเตรเลีย ก็คงหนีไม่พ้น ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน

ซึ่งอากาศในเมลเบิร์นนั้นมีความแปรปรวนสูงคนหลายคนบอกว่า 4 ฤดูใน 1 วัน แต่จากประสบการณ์ตรงเคยเจอ 4 ฤดูภายใน 2 ชั่วโมงกันเลย ส่วนซิดนีย์นั้นก็หนาวเย็น เป็นเมืองที่คนไทยเยอะมาก แต่เนื่องจากคนไทยเยอะ ร้านอาหารไทยก็เยอะเช่นกัน แถมอร่อยๆมากและราคาไม่สูงด้วยค่ะ ต่อมาเป็นเมืองบริสเบน เมืองนี้ก็มีเสน่ห์ในตัวเอง มีความครึกครื้นน้อยกว่า สองเมืองข้างต้น แต่มีครบครัน คนไทยน้อยกว่าเมลเบิร์นและซิดนีย์มากๆ โอกาสในการใช้ภาษาอังกฤษก็สูงขึ้นตามลำดับ เป็นเมืองธุรกิจ และห่างจากเมืองท่องเที่ยวอย่าง โกลโคส และซันซาย โคส เพียงแค่ 1 – 2 ชั่วโมง มีความอบอุ่นกว่า แต่หน้าหนาวก็เอาเรื่องเหมือนกันนะคะ กล่าวถึงโกลโคส และซันซาย โคส ก็มีนักเรียนไทยไปเรียนเช่นกัน แต่ว่าหาคนไทยยากยิ่งกว่า อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองที่ติดชายทะเล จึงกลัวจะผิวคล้ำจากแสงแดด แต่ว่าทุกเมืองที่กล่าวมานั้น มีเสน่ห์ในตัวเองแบบลงตัว เอดูยังจะทำรีวิว เมืองต่างๆในออสเตรเลียไว้ให้น้องๆได้ตัดสินใจง่ายยิ่งขึ้นนะคะ ^_^

คนไทยส่วนใหญ่เลย 80 เปอร์เซนต์ ก็จะมาเริ่มต้นด้วยการเรียนภาษาอังกฤษก่อน แล้วพอได้ภาษาอังกฤษก็ค่อยๆขยับขยายไปเรียนคอร์สต่างๆ ยอดนิยมแต่ไหนแต่ไรมาคือ คอร์ส Business Management และยอดฮิตในช่วงนี้ ก็หนีไม่พ้น Commercial Cookery หรือคอร์สทำอาหาร รองลงมาก็จะเป็นคอร์สเลี้ยงเด็ก ดูแลคนสูงอายุ รวมไปถึงออกแบบดีไซน์ และคอร์สไอที รวมไปถึงระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย เนื่องจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียมีชื่อเสียงติดระดับโลก

คอร์สมีหลากหลาย อยากให้ศึกษาให้ดีก่อนจะเลือกลงเรียน เพราะนอกจากเสียค่าใช้จ่ายแล้วนั้นสิ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้คือเวลา ดังนั้นการเลือกคอร์สมีความสำคัญมากสำหรับอนาคตของแต่ละคน หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมก็ติดต่อมาเล่าให้เอดูยังฟังได้เลยนะคะ เพราะแต่ละคนก็จะมีสิ่งในใจแตกต่างกันออกไปเนอะ

เยอะมากกกกกกกกก มหาวิทยาลัยต่างๆจะมีทุนการศึกษาออกมาให้กับนักเรียนนานาชาติอยู่ตลอดๆเลยค่ะ สูงสุด $15,000+ ต่อปีเลยทีเดียว เอดูยังติดตามข่าวสารจาก government มหาลัยส่วนใหญ่ไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทุนเรียนดี หรือทุนแจกนักเรียนต่างชาติอย่างคนไทยเลย หรือ คลิกเพื่อไปที่ หน้าทุนการศึกษาและโปรโมชั่น ได้ที่นี่เลย

เป็นคำถามที่ดีค่ะ สถาบันหลายๆที่มีเสนอทุน หรือช่วยเหลือในรูปแบบโปรโมชั่น แต่เอดูยัง ทางเราภูมิใจนำเสนอ Eduyoung Brand Ambassador ทางเราจัดขึ้นเพื่อให้น้องๆได้มีโอกาสได้เรียนภาษาฟรีๆ และใช้ชีวิตเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในประเทศออสเตรเลียเป็นเวลามากถึง 8 สัปดาห์ โดยมีพี่ๆทีมงานคอยดูแลตั้งแต่การทำวีซ่าไปจนถึงรอรับสนามบินที่ออสเตรเลียเลยค่ะ *สอบถามเงื่อนไขได้กับเอดูยังได้โดยตรงเลย

สถาบันภาษาในประเทศออสเตรเลียนั้ยมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานทั้งหมดเลย ความแตกต่างของแต่ละโรงเรียนส่วนมากจะเป็นสภาพแวดล้อมภายในมากกว่าค่ะ บรรยกาศในห้องเรียน ครูผู้สอน เพื่อนร่วมคลาส และอีกอย่างที่สำคัญคือโลเคชั่นของโรงเรียน อีกทั้งขึ้นอยู่กับน้องๆ วางงบประมาณค่าเทอมเอาไว้เท่าไหร่ ทางพี่ๆเอดูยัง จะได้จัดโรงเรียนให้เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของน้องๆค่ะ

ง่ายมากๆ แค่ใช้เอกสารของตัวเองทั้งหมด – พาสปอร์ต – บัตรประจำตัวประชาชน – ทะเบียบบ้าน – Bank statement – Bank balance – GTE และอาจจะมีเอกสารเพิ่มเติมอย่างอื่นเพิ่มเติม เอกสารทุกอย่างต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษนะคะ หากมีข้อสงสัยหรืออยากทราบลายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามทางทีมงานเอดูยังได้เสมอเลย

ระยะวีซ่าที่ได้ จะได้ตามคอร์สที่เราลงเรียนนะคะ สามารถเช็คได้จากใบยืนยันการลงทะเบียนที่เราเรียกกันว่า COE confirmation of enrollment นั่นเองค่ะ

คลิกเพื่อเข้าไปยังหน้าการลงทะเบียนเพื่อขอ TFN ได้ที่นี่เลย  https://www.ato.gov.au/Individuals/Tax-file-number/Apply-for-a-TFN/

 

หลังจากระบบได้รับข้อมูลการร้องขอ TFN แล้ว ทางหน่วยงานจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-28 วันทำการ ในการจัดส่งเอกสารข้อมูล TFN ไปยังที่อยู่ที่คุณกรอกไว้ในระบบ และหากเมื่อได้รับ TFN มาแล้วนั้นควรเก็บรักษาให้ดี ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณะนะคะ ถือว่า TFN นั้นเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลสิ่งที่สำคัญมากนะคะ!

ABN ย่อจากคำว่า Australian Business Number หรือ เลขระบุตัวตนของธุรกิจและองค์กรต่างๆ

 

สามารถสมัครได้ที่นี่ผ่านทางเว็ปไซต์

https://www.abr.gov.au/business-super-funds-charities/applying-abn

ไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ

 

สำหรับใครที่ต้องการทำงานในออสเตรเลียหรือเริ่มสมัครงานกันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงาน Part-time, Full-time หรือ Casual แน่นอนว่าจะต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเพื่อที่นายจ้างจะสามารถจ่ายค่าจ้างให้เราได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ TFN และ ABN นั่นเอง ทั้ง 2 ตัวออกโดย ATO (Australian Tax Office) รัฐบาลจัดการด้านภาษีของออสเตรเลียเลยค่ะ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะต้องได้รับ TFN ก่อน ถึงจะสามารถจดเลข ABN ได้นะคะ!

อ่านต่อเพิ่มเติม คลิก

หากยังไม่พบคำตอบที่คุณสงสัย หรือไม่พบคำถามที่คุณกำลังตามหา พิมพ์หรือสอบถามเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

คุณมีคำถามเพิ่มเติมไหม